bast news

lifestyle

IT-GAMES

animal

travel

เมนูอาหาร

iPhone 12 จะใช้แบตเตอรี่ที่เล็กลงและถูกกว่า

 Apple ขายสมาร์ทโฟนที่แพงที่สุดในตลาดและต้องการที่จะไม่ให้ราคาเหล่านั้นสูงขึ้น ดังนั้นเมื่อiPhone 12 ที่รองรับ 5G มาถึงในปลายปีนี้เราควรคาดหวังว่ามันจะมีแบตเตอรี่ขนาดเล็กและราคาถูกกว่าอยู่ข้างใน



นั่นคือคำทำนายของ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ของ Apple ที่มีชื่อเสียง ตามรายงานของ AppleInsider Kuo เชื่อว่า Apple พยายามที่จะรักษาต้นทุนเทคโนโลยี 5G ที่มีความเร็วต่ำกว่า 6GHz ระหว่าง $ 75 - $ 85 โดยที่ต้นทุนเทคโนโลยีคลื่นมิลลิเมตรจะอยู่ในช่วง $ 125 - $ 135 เพื่อชดเชยสิ่งเหล่านี้ Apple ไม่เพียง แต่ต้องการบีบซัพพลายเออร์แบตเตอรี่ด้วยราคาที่ถูกลงเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนไปใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กที่ถูกกว่าด้วย


ความตั้งใจคือการใช้แบตเตอรี่สำหรับ iPhone 12 ที่มีราคาน้อยกว่าแบตเตอรี่ที่ใช้ใน iPhone 11 ถึง 40-50% จากนั้นสำหรับ iPhone 12S คาดว่าจะลดต้นทุนได้อีก 30-40% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ iPhone 12 Apple จะประหยัดได้อย่างไร ประการแรกมันย้ายไปยังโครงสร้างแบตเตอรี่ที่ซับซ้อนน้อยลงโดยการลดจำนวนแผงแบตเตอรี่แบบยืดหยุ่น (PCB ที่อยู่ที่ปลายด้านหนึ่งของชุดแบตเตอรี่) เพื่อให้แบตเตอรี่พอดีกับพื้นที่ที่เล็กลง ประการที่สองความจุของแบตเตอรี่จะลดลงตามเอกสารที่ระบุในข้อบังคับที่ค้นพบเมื่อเดือนที่แล้ว

ขอบคุณแหล่งที่มา PCMAG

นครวัด-นครธม 3วัน2คืน ด้วยตัวเอง นอนหรู กินดี ด้วยเงิน 4พัน แต่ได้ความรู้ ประสบการณ์ และมิตรภาพดีๆ หลักล้านกลับบ้าน

Sea Angkor Wat And Die - เพียงแค่ผมได้เห็นนครวัดก็นอนตายตาหลับแล้ว
นครวัด & นครธม
นครที่มวลมนุษย์ชาติต้องมาให้ได้ก่อนตาย


สวัสดีครับ ผมได้เดินทางไปนครวัดนครธม มาเมื่อวันที่ 21 - 22 ก.พ. 59 ที่ผ่านมากับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ผมจะมารีวิวการเดินทางไปนครวัดนครธมอย่างละเอียด เป็นอันว่าเมื่อเพื่อนๆได้อ่านกระทู้นี้แล้ว พรุ้งนี้เดินทางได้เลย เพราะผมอยากจะให้คนไทยได้เป็นเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจริงๆว่าคนสมัยนั้นสร้างสิ่งที่ใหญ่มโหราฬเช่นนี้ได้อย่างไร ทุกคนทั่วสารทิศทั่วโลกได้เดินทางมาชมนครวัดนครธม แต่ทำไมคนไทยอยู่ใกล้ๆแท้ไม่ไปกัน อาจจะเป็นเพราะความกลัวหรือไม่กล้า แต่ถ้าท่านได้อ่านกระทู้นี้แล้ว สิ่งเหล่านั้นจะหายไป

step 1. แลกเงิน แนะนำให้แลกเป็นเงินดอล์ล่าไป ต้องเป็นแบงค์ใหม่ และควรเป็นแบงค์ย่อยด้วย เพราะที่นั้นจะใช้เงินดอล์ล่าเป็นหลัก เงินไทย เงินเรียวใช้ได้ แต่ไม่คุ้ม

step 2. การเดินทางนั้นมีด้วยกัน 4 วิธีคือ
2.1 เครื่องบิน - ลงสนามบินเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา
2.2 รถบ่อนคาสิโน - สามารถเช็คเวลา สถานที่ ขึ้นรถได้ใน google
2.3 รถบัส/รถตู้ ประจำทาง - ไปลงที่อรัญประเทศ(โรงเกลือ) สามารถขึ้นได้ทั้งที่ หมอชิต/อนุเสาวรีย์/สายใต้ใหม่ หรืออื่นๆ
2.4 รถส่วนตัว - ไปจอดที่โรงเกลือได้เลย

ผมเดินทางโดยรถส่วนตัว เพราะสะดวกและเผื่อผมจะซื้อของกลับด้วย ท่านสามารถนำไปจอดได้ที่โรงเกลือเลย จะมีสถานที่รับฝากรถอย่างดี ไม่ต้องกลัวว่ารถเราจะหายไปอยู่เขมรใดๆทั้งสิ้น ค่าใช้จ่ายวันละ 100 บาท ผมไปถึง 8 โมงเช้า
step 3. การผ่านแดนไปนครวัดนั้น จะต้องใช้ passpost เท่านั้น ส่วนการผ่านแดนนั้นไม่อยากครับ ให้สังเกตุธนาคารกสิกรกับทางที่คนเดินไปเยอะๆ  ให้เราเดินเข้าไป จะเป็นช่องสำหรับขาออกประเทศไทย
หลังจากผ่าน ตม ไทย (ที่นี่เขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปนะครับ) ตรงนี่จะใช้เวลาทั้ง ตม-ไทยและ ตม-เขมร ประมานหนึ่งชั่วโมง ให้เตรียมปากกาไปให้พร้อม
ระหว่างเดินจากตม-ไทยไปตม-เขมร สองข้างทางจะเป็นบ่อนคาสิโน  
ขอทาน ขอเน้นย้ำว่าอย่าให้เงินขอทานเด็ดขาดเพราะถ้าให้คนหนึ่งอีกหลายๆคนจะตามเข้ามา
ให้เดินด้านขาวไว้ พอเข้า ตม-เขมร จะมีคนแจกใบผ่านแดนให้เขียน ให้เราเขียนเป็นภาษาอังกฤษ และที่สำคัญต้องระบุด้วยว่าพักที่เสียมเรียม ทั้งตม ไทย-เขมรนั้น ไม่เสียค่าผ่านแดนแม้แต่บาทเดียว นอกจากท่านไปตรงเวลาพักเที่ยงหรือนอกราชการของ ตม-เขมร จะเสีย 100 บาท
step 4.เปลี่ยนซิมเป็นซิมเขมร เพราะจะได้ใช้ติดต่อหรือใช้แปลภาษา เพราะที่นั้นใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกัน จะขายอยู่ หลังจากเราออกจาก ตม-เขมร ราคา 150 บาท เล่นเน็ตได้ 7 วัน คนขายจะจัดการและเปลี่ยนให้ตรงนั้นเลย
step 5.หลักจากนั้น เราต้องหารถเพื่อเดินทางไปเสียมเรียบ รถที่จะเดินทางไปเสียมเรียบมีด้วยกันทั้งหมด 2 อย่างคือ
5.1 รถบัส - นั้น จะต้องนั่งรถฟรี ที่จอดอยู่แถวๆ ออกจาก ตม-เขมร จะพาไปขนส่งเพื่อไปขึ้นรถบัสประจำทาง ราคา 12$
5.2 taxi - taxiที่นั้นจะไม่เหมือนบ้านเรา จะเป็นรถ toyota camry ไม่มีมิสเตอร์ ต้องต่อรองราคากันเอง ตกแล้วต้องให้ไม่เกิน 35$ หรือ 1,200 บาทโดยให้เดินเลยขึ้นมาจากรถฟรีที่จะไปขนส่งนิดหนึ่ง แต่ไม่ต้องห่วงเพราะจะมีคนขับtaxi มารายล้อมเราเลย 
ส่วนผมนั้น เลือกtaxi เพราะวันนั้นผมเจอพี่คนไทย 2 คน ที่จะเดินทางไปเที่ยวเสียมเรียบพอดี เลยคุยกันว่าจะแชร์taxiกัน ตกคนละ 300 บาทถูกกว่ารถบัสอีก โดยขอให้เขาไปส่งเราที่โรงแรม แนะนำให้เดินไปขึ้นรถtaxi พ้นจากวงเวียนไปหน่อย วันนั้นผมขึ้นแถวๆวงเวียน taxiโดนตำรวจจับเลย ผมก็ไม่ทราบว่าข้อหาอะไร เห็นจ่ายไป 100 บาท เพราะคนขับพูดไทยไม่ได้ ได้แต่อังกฤษนิดเดียว แต่พอเดาได้ว่าtaxiที่ไม่ได้อยู่ในความคุ้มครองห้ามมารับแถวๆนี่
รถที่นี่วิ่งด้านขาว พวงมาลัยซ้าย ก็ทำให้ผมหวาดเสียวเหมือนกันรถหว่างนั่งไปตลอดทาง หลักจากนั่งรถมาประมาณ 2 ชม. ก็มาถึงที่พัก

step 6.ที่พัก นั้นผมได้จองผ่าน Agoda มาแล้ว ชื่อ โรงแรมตาพรม เป็นโรงแรม 5 ดาว ราคาคืนละ 1,500 บาท นอน 2 คนตกคนละ 750 บาท มีอาหารเช้าให้ ติด pub steed และ old market  สามารถเดินเที่ยวตอนกลางคืนได้ แต่ผมคิดว่าถ้าหากอยากประหยัดให้ไป walkin เอาแถวนั้น มีโรงแรมราคาถูกกว่านี่ คืนละ 500 บาท อย่างดีด้วย ที่นี่เขาให้เราchekinได้ตั้งแต่บ่าย2เท่านั้น
      
step 7.การเดินทางในเสียมเรียบ
7.1 tuktuk เหมาทั้งวัน จะตกวันละ 20$ ตกลงที่เที่ยวกันเอง
7.2 tuktuk ไปบางที่ จะตกครั้งละ 3 - 5$ แล้วแต่ระยะทาง
7.3 เช่าจักยาน ผมไม่แน่ใจว่าวันละเท่าไร น่าจะ 3 - 5$ แต่ที่นี่ไม่อนุญาตให้คนต่างชาติขับมอเตอร์ไซร์

ผมเลือกเหมาแบบทั้งวัน โดยเหมาทั้งหมด 2 วัน 40$ ผมได้จองคนขับรถtuxtux ที่ชื่อ sother ผ่านทาง facebook เพราะคนไทยใช้บริการบ่อย พูดอังกฤษและไทยได้เก่ง มีน้ำบริการฟรีตลอดเวลา ไม่โกง มารอและให้คำปรึกษาได้ตลอดเวลา สามารถหาfacebookได้ตามชื่อเขาเลย

step 8. เที่ยวนครวัด/นครธม
วันที่ 1.หลักจาก chekin ที่พักแล้ว sotได้พาผมไปทานข้าวกลางวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่ผมคิดว่าร้านนี่แพงไป เราสามารถบอกให้คนขับพาไปทานร้านอื่นได้ที่ถูกกว่านี่ แต่มื้อนี้ผมโชคดีอย่าง พี่ที่เป็นคนไทย ที่มาเจอกัน เขาเลี้ยงผม
จากนั้น sotได้พาผมไปวัด Preah Prom Rath ซึ่งด้านในมีพระนอนอยู่ หาให้เจอนะครับ
วัด Thmei ซึ่งเป็นวัดที่เกี่ยวกับสงครามสมัยเขมรแดง มีไกร์พาคนไทยไปเที่ยวเยอะ เราสามารถเดินตามฟังเขาอธิบายได้ครับ

หลักจากพอถึง 16.30 น. แล้ว sotก็จะพาเราไปซื้อตั๋ว เพื่อเข้าชมนครวัด ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากวัดที่เราเที่ยว 
ที่ขายนั้นจะเปิดเวลา 16.30 น. โดยตั๋วจะมีแบบ 1 day 20$ / 3 day 40$ / 7 day 60$ สามารถใช้ได้วันรุ่งขึ้นเท่านั้น
เราจะต้องซื้อทีละคนเพราะจะต้องถ่ายรูปเพื่อติดตั๋ว เพราะทุกๆที่จะมีการตรวจตั๋วในการเข้าชม หากตั๋วหายจะต้องซื้อใหม่เท่านั้น
จากนั้น sotพาเราไปชม sunset ที่ Phonm Bakheng ที่นี่สามารถเข้าได้เลย เพราะผมไปถึง 5 โมงเย็นแล้ว เขาจะให้เข้าชมฟรี 
ต้องเดินขึ้นเขาประมาณ 800 เมตร
ผมมาไม่ทัน sunset เพราะวันที่ผมไปคนเยอะมาก เขาให้ขึ้นได้ไม่เกิน 300 คน หมุนเวียนกัน
จากนั้น sotก็พาผมกลับที่พัก แล้วนัดกันว่า พรุ้งนี้จะมารับผม ตี4.45 เพื่อไปชม sunlight ที่นครวัด 
จากนั้นผมก็เดินเที่ยว pub steed คล้ายๆตรอกข้าวสาร

ผัดเส้นราคา 1.50$
เบียร์อังกอ นุ่มดี ที่นี่เบียร์ถูกกว่าน้ำครับ ราคา 0.75$ 
มาแล้วก็อยากให้ลองครับ ราคา1$

วันที่ 2.เวลา 4.45 น. sotก็ได้มารับผมไปที่นครวัดเพื่อไปชม เพื่อไปชม sunlight ควรไปเร็วกว่าน่หน่อย เพราะคนเยอะมาก
จากนั้นผมก็ออกจากนครวัดมาทานอาหารเช้า (ที่โรงแรมมีบริการ Breakfast box) ซึ่งเป็นมื้อที่ผมมีความสุขที่สุดเลย เหตุผลที่ไปเที่ยวที่อื่นก่อนนครวัดวัดเพราะช่วงเช้าถ่ายรูปจะย้อนแสงหมดเลยและก็ไปเที่ยวที่ต่างๆซึ่งเป็น hilight ที่จะต้องมาชม ซึ่งsotรู้อยู่แล้วว่าต้องไปไหนบ้าง
Bayon
Ta prohm

แวะรับประทานอาหาร มื้อนี้ผมเป็นคนเลี้ยงพี่เขาคืนราคา 27$ เป็นเงินไทย 972 บาท หารกับเพื่อนผม 2 คน ตกคนละ 486 บาท จำชื่อไม่ได้แต่มีรูปให้ดูตอนสั่งครับ

จากนั้นกลับมาชมนครวัดต่อ
อย่าลืมชิมน้ำตาลตะโนด หอมมาก

นางอัปสรา หมายถึง ผู้มีความงามทั้งห้าได้แก่ 1.ผม 2.ปากเป็นกระจับ 3.นม 4.หุ่น 5.จมูก 1000ปี จะมีมาเกิด 1ตน หากใครมาแล้วไม่ได้จับนมแปลว่ามาไม่ถึงนครวัด

พอได้เวลา5โมงเย็นเราก็กลับที่พัก เพื่อเตรียมไปชม  Apsara dancing โดย sotพาไปราคาหัวละ 12$ ตก 436 บาท เป็นbuffetนานาชาติ แนะนำว่าควรไปดูครับ


วันที่ 3 ผมก็เดินทางกลับโดยวิธีเดิม

สรุปค่าใชจ่ายหาร 4 คนในเขมร
1.ค่าเดินทาง 960 บาท/คน
2.ค่าที่พักคืน 2 คืน 1500 บาท/คน
3.ค่ากิน 1500/คน 
รวม 3960 บาท


CR. สมาชิกพันทิพย์ สมาชิกหมายเลข 2993477

จากเช้าวันเสาร์ถึงเย็นวันจันทร์ สิมิลัน สวรรค์แดนใต้

ไปทะเล ไม่หนีรัก ก็ หนีร้อน แต่สำหรับผมหนีความวุ่นวายในเมืองหลวง จึงเกิดโปรแกรมนี้ขึ้น "สิมิลัน"

มีคนได้กล่าวไว้ว่าไปทะเลช่วงที่ดีที่สุดคือหน้าร้อน ยิ่งร้อนทะเลยิ่งสวย ผมจึงตัดสินใจไปเดือนเมษายน และเลือกช่วงที่ร้อนที่สุด  คือ
สงการณ์ หลังกลับมาก็ไม่ได้เขียน เพราะช่วงนี้งานการ หลายๆอย่างยุ่งๆ ก็เลยตัดใจสินใจ อยากจะเก็บบันทึกเรื่องราวการท่องเที่ยวไว เผื่อวันใดวันหนึ่งจะได้กลับมาเปิดอ่านอีกครั้ง และให้ผู้อ่านที่ยังไม่เคยเดินทางไปเป็นไกด์ลายเล็กน้อย ในการตัดสินใจเดินทางด้วยครับ

Day 1.การเดินทางครั้งนี้ ผมตัดสินใจเดินทางด้วย เครื่องบินสายการบินบางกอกแอร์ เพราะผมได้ตั๋วราคาถูก ประมาณ 1,000 กว่าบาท ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับรถทัวร์แล้ว ก็แตกต่างนิดหน่อย และแถมประหยัดเวลาอีกด้วย แถมที่สำคัญหากใครนั่งของบางกอกแอร์ ก็มีอาหารบริการให้ทานตั้งแต่อยู่ที่สนามบิน ถึงบนเครื่องเลย โดยเลือกเดินทางแต่เช้าไปถึงสนามบินภูเก็ตก็ประมาณ 8 โมงกว่าๆ กำลังดี

หลักจาถึงสนามบินภูเก็ตแล้ว ก็ต่อรถชัตเตอร์บัส หน้าสนามบิน เข้าเมือง คนละ 100 บาท (รถชัตเตอร์บัสจะมีไป 2 ที่คือ ป่าตอง กับในเมือง) โดยให้แจ้งเขาว่าจะลงตรงไหน ผมลงตรงเมืองเก่า เพราะผมได้จองโรงแรมในตัวเมืองภูเก็ต ชื่อโรงแรม ณ สยาม ราคาไม่แพง ประมาณ 700-800 บาท เป็นลักษณะคลาสสิคเก่า ซึ่งผมก็ชอบโรงแรมสไตล์แบบนี่อยู่แล้ว โดยอยู่ในระแวก เมืองเก่าเลย และติดกับของกินเจ้าดังๆทั้งนั้นขออภัยไม่ได้ถ่ายรูปมา โดยผมตัดสินใจจองโรงแรมในเมืองเพราะมีเวลาแค่สองคืน และอยากเที่ยวในเมืองก่อนรอบหน้าจะไปพักที่ป่าตอง

จากนั้นผมก็ออกตะเวณเที่ยวในเมืองภูเก็ต โดยเช่ารถที่โรงแรม ให้เขาติดต่อให้ราคา 1200 บาท เติมน้ำมันคืนเขาเวลาส่งรถคืน ใช้บัตรประชาชนใบเดียว เพราะเราพักที่ของเขา ด้วยความที่อยู่บนเครื่องได้กินแต่ข้าวต้ม ซึ่งไม่ถูกใจนัก ก็เลยชวนกันไปหาอะไรทานก่อน ซึ่งจุดมุ่มหมายแรกคือ หนี่ต้นโพธิ์ เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวดังในเมืองภูเก็ตที่ใครมาต่างก็ต้องมากิน อยากบอกว่าอาหารที่ภูเก็ต จะมีรสชาติจืดๆ พร้อมด้วยชาใต้ แบบโบราณ ร้านนี้ปิดประมาณ 10.30 น. ถ้าไปก่อนจะไมไ่ด้กินนะครับ

หลักจากองทัพต้องเดินด้วยท้องแล้ว ก็ตะเวณไหว้เพราะก่อนเลย วัดดังๆในภูเก็ตที่มาแล้วต้องไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลปีใหม่ วัดแรกคือวัดพระผุด หรือ วัดพระทองนั้นเอง ต้องออกจากเมืองกลับมาทางสนามบินครับ
ต่อมาก็วัดพระใหญ่ภูเก็ต ซึ่งจะมองเห็นวิวของป่าตองด้วยครับ ด้วยอากาศร้อนมาก็เลยไม่ได้ถ่ายมา

ต่อมาก็วัดหลวงพ่อแช่ม หรือวัดฉลอง ซึ่งเป็นที่เคารพ ของชาวภูเก็ต

ด้วยอากาศร้อน จึงพักก่อน หาอะไรกินก่อน มีคนแนะนำว่าให้ไปทานอาหารทะเลแถวๆ หาดกะรน ราคาไม่แพง ซึ่งจะมีขายเรียงๆกัน และให้เราเลือกเลย สดๆ ตรงข้ามจะเป็นร้านอาหารให้เขาทำเดียวนั้นเลย เสียค่าทำก็ประมาณ 40-80-100 แล้วแต่ 

แวะไปชมวิวที่ จุดจมวิวกะรน

หลักจานั้น ก็รอให้เย็นๆหน่อย จึงเดินทางไปดูพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรมเทพ คนเยอะมากๆ ถ่ายรูปค่อนค้างยากครับ

ด้วยความที่ตะเวณรอบภูเก็ตมาทั้งวัน อากาศร้อนจึงตัดสินใจกลับไปพักผ่อน เพื่อเตรียมการใหญ่พรุ้งนี้ และแวะกิบ ปาท่องโก๋ กับสังขยา ชื่อดัง อร่อยมากครับ คนต่อคิวยาวร้านปาท่องโก๋ โกชัย ครับ แถวๆในเมืองนั้นแหละครับ

Day2.วันนี้ตื่นเต้นมากๆครับ เพราะได้จองทัวร์สิมิลันกับ love andaman ราคา 1900 บาท ปกติ 2500 เพราะซึ่งในงานไทยเที่ยวไทย ถ้าใครพักที่ป่าตองกับภูเก็ตต้องเสียค่ารถคนละ 300 บาท ไป-กลับ เพราะท่าเรืออยู่ที่พังงา ทับละมุ ต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ถ้าใครพักอยู่ที่พังงาอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเสียค่ารถครับ ฟรี ไปถึงไปเช็คอิน เจ้าหน้าที่จะให้รีแบนสีมาให้เรา รอเขาเรียกขึ้นเรือ และไม่ต้องสนใจอะไร กินให้อิ่น เพราะมีอาหารเช้าให้ทาน มีทั้งขนมปัง นม น้ำส้ม กาแฟ น้ำ ชา หลายๆอย่าง ไม่ได้ถ่ายมา เพราะรีบกิน 

จากนั้นก็เดินทาง พอถึงแล้วรู้สึกหายเหนื่อยเลย น้ำใสมากๆ หินก้อนใหญ่ โดยเขาจะให้เราอยู่ในเกาะนี้ ถึงกินข้าวเที่ยงเลย อยากลืมขึ้นไปถ่ายรูปที่บนหินเรือใบ และพาไปดำน้ำ 1 จุด ปกติ 2 จุด เพราะวันนั้น คลื่นลมแรง แต่ถ้าให้ผมเลือกระหว่างสิมิลัน กับ พีพี ผมชอบพีพีมากกว่าครับ ลองไปหาอ่านกระทู้ พีพีพี กระบี่ ของผมนะครับ เพราะผมคิดว่าธรรมชาติมากกว่า น้ำเขียวๆ

พอเสร็จจากทัวร์ ก็กลับมาทานอาหารเย็นที่ love andaman อีก ผัดหมี่ กับ ไอติม อร่อยมากๆ และรถตู้คันเดิมก็จะมาส่งที่ โรงแรมเหมือนเดิม จากนั้นผมก็ออกไปเดินถนนคนเดินที่ถนนถลาง เปิดแต่วันอาทิตย์นะครับ อยู่ในเมืองเก่าเลย ไปถ่ายรูปคลาสสิคดี มีของกินใต้ และไปถ่ายรูปอาร์ทติส

Day3. งานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกลา ผมต้องรีบตื่นและเดินทางไปสนามบิน เพราะผมบินกลับไฟท์เที่ยง นั่งรถชัตเตอร์บัสกลับ แต่ต้องไปขึ้นที่บขสเก่านะครับ ถ้ารีบก็หาแท็กซี่ได้เลย ให้ที่พักติดต่อให้ 700 บาท แต่ผมก็ไม่รีบ(มั่ง) พอไปถึงสนามบินเช็คอินไม่ทัน เพราะคิวยาวมากๆ เลยเช็คอินทางมือถือ และเอากระเป๋าขึ้นเครื่องไปเลย ของเหลวก็ต้องทิ้งหมด ดังนั้นผู้อ่านต้องเผื่อเวลาให้ดีนะครับ

ขอบคุณที่ติดตามครับ ของคุณที่อ่านจบ
"อย่าให้ความกลัวมาทำ ทำร้ายความฝันคุณ"

ขุนเขายิ่งใหญ่ ทางเดินห่างลับไกลบุกเดินไปไม่เคยหวั่น




 
CR. สมาชิกพันทิพย์ สมาชิกหมายเลข 2993477

Top